ต่างกันไหม? ระหว่างการซักผ้าด้วยน้ำเย็นกับน้ำร้อน

ซักผ้าน้ำร้อนหรือน้ำเย็น

เราอาจเคยได้ยินมาบ้างว่าการซักผ้าด้วยน้ำร้อนจะสะอาดกว่าการซักด้วยน้ำเย็น

แต่ความเป็นจริงนั้นจะเป็นจริงตามที่บอกต่อกันหรือเปล่า ยังมีความแตกต่างอะไรอีกบ้างระหว่างการซักผ้าด้วยน้ำร้อนกับน้ำเย็น

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจความหมายกันก่อน ในที่นี้สำหรับคำว่าน้ำร้อนนั้นเราจะหมายถึงน้ำที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 32 องศาเซลเซียสขึ้นไปและน้ำเย็นคือน้ำที่มีอุณหภูมิระหว่าง 15 – 26 องศาเซลเซียส

แน่นอนว่าความเชื่อจากการซักผ้าด้วยน้ำร้อนจะสะอาดกว่าการซักด้วยน้ำเย็นเคยเป็นจริงเมื่อในอดีตที่ผงซักฟอกและเครื่องซักผ้ายังไม่มีพัฒนาการความก้าวหน้าเท่าปัจจุบัน

น้ำที่มีความร้อนจะช่วยให้ขจัดคราบสิ่งสกปรกและช่วยละลายเม็ดผงซักฟอก ทำให้ผงซักฟอกแทรกซึมเข้าไปในเนื้อผ้าได้ดีกว่าน้ำเย็น

แต่ด้วยพัฒนาการด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันทั้งตัวผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกเองที่ออกแบบมาให้ใช้งานกับน้ำเย็นได้เทียบเท่ากับน้ำร้อน ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องซักผ้าที่ดีขึ้น รวมถึงการที่มีเส้นใยผ้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา จึงทำให้การซักผ้าระหว่างน้ำร้อนและน้ำเย็นให้ผลลัพธ์ด้านความสะอาดที่ไม่ต่างกัน

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมี ข้อดี- ข้อเสีย และความเหมาะสมในการซักผ้าที่แตกต่างกันในบางกรณี ดังนี้

น้ำร้อนหรือน้ำอุ่น

เหมาะสำหรับผ้าคอตตอนที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผิวหนัง เช่น ชุดชั้นใน ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู เสื้อผ้าที่สกปรกมาก เช่น เสื้อที่ซับเหงื่อมาก ๆ หรือติดคราบน้ำมัน รวมถึงผ้าเส้นใยไนลอน พอลีเอสเตอร์ เรยอน

ข้อดี

ช่วยให้ละลายผงซักฟอกได้ดี จึงช่วยให้การซักผ้าสะอาดมากยิ่งขึ้น

ข้อเสีย

อาจทำให้สีตก ทำให้เส้นใยบางชนิดหดตัวเพราะความร้อนเป็นการทำลายเส้นใยให้เกิดความเสียหาย

น้ำเย็น

เหมาะสำหรับเนื้อผ้าที่มีความละเอียดอ่อนในการดูแล

ข้อดี

โอกาสที่ทำให้ผ้าหดและสีตกน้อยกว่าใช้น้ำร้อน สามารถใช้ได้กับผ้าทุกชนิดที่ซักได้ เป็นการช่วยถนอมเนื้อผ้าใช้ให้ใช้ได้นานขึ้น

ข้อเสีย

การขจัดคราบที่สกปรกมาก ๆ ทำได้ยากกว่าการใช้น้ำร้อน ดังนั้น ควรจะแช่ผ้าก่อนทำการซักเพื่อให้ช่วยขจัดคราบได้ดีขึ้น

ที่มา

apartmenttherapy.com

thespruce.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น