ว่าแต่…เท้าก็มีอายุขัยเหมือนกันหรือ?
บางคนอาจเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
ความจริงแล้วเท้าเป็นอวัยวะที่ใช้งานหนักที่สุด
เวลาเดิน มีน้ำหนักลงไปที่เท้าประมาณ 2-3 เท่าของน้ำหนักตัว ส่วนขณะวิ่งน้ำหนักลงไปที่เท้าถึง 5 เท่า
นอกจากนี้เวลาก้าวขา เท้าก็ต้องกระทบพื้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เท้าเป็นอวัยวะที่เสียหายง่ายที่สุดในร่างกาย
ดังนั้น ยิ่งอายุมากก็ยิ่งเจ็บเท้ามากขึ้นตามไปด้วย จนในที่สุดก็อาจถึงขั้นเดินไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งก็คืออายุขัยของเท้าได้สิ้นสุดลงแล้วนั่นเอง
ลองมาทดสอบวัดอายุขัยของเท้ากัน
เช็กตามรายการทั้งหมด 16 ข้อด้านล่างได้เลย ยิ่งมีจำนวนข้อมากหรืออาการมากยิ่งต้องตระหนักการดูแลเท้าของคุณให้มากขึ้น
เพราะหากปล่อยอาการผิดปกติเหล่านี้เอาไว้ อาจทำให้เกิดผลเสียที่ร้ายแรงกว่าเดิม นั่นคืออายุขัยของเท้าจะหมดไป
- ปวดเข่า
- เท้าเย็น
- เท้าบวม
- เท้าแบน
- เล็บขบ
- นิ้วหัวแม่เท้าเก
- หกล้ม สะดุดบ่อย
- ชาตามปลายนิ้วเท้า
- งอ กางนิ้วเท้าไม่ได้
- ปวดเมื่อยเท้าทันทีที่เดิน
- เวลาเดินบนพื้นไม้มักรู้สึกเจ็บ
- มีหนังด้านตรงนิ้วชี้และหลังนิ้วหัวแม่เท้า
- นั่งยองแล้วส้นเท้าลอยหรือล้มหงายหลัง
- เดินนานๆ ข้อนิ้วมักเสียดสีจนเจ็บ
- สันรองเท้าด้านในสึก
- เป็นตะคริวที่เท้าบ่อย
มีอาการ 1-3 ข้อ
เริ่มมีอาการที่รับรู้ได้ด้วยตนเองออกมาบ้างแล้ว ให้พยายามดูแลสุขภาพด้วยการบริหารเท้า เพื่อช่วยยืดอายุขัยของเท้า
มีอาการ 4-6 ข้อ
อยู่ในระยะเริ่มเป็นอันตราย เท้าจะค่อย ๆ อ่อนแรงลง ควรเริ่มหันมาสนใจสุขภาพเท้า
มีอาการ 7-9 ข้อ
หากมีอาการเกือบครึ่งของทั้งหมดนี้ จำเป็นต้องรีบหันมาดูแลเท้าอย่างจริงจัง
มีอาการมากกว่า 10 ข้อ
นี่อาจเป็นสัญญาณว่าอายุขัยของเท้าใกล้สิ้นสุดลงในอีกไม่นานและอาจถึงขั้นเดินไม่ได้อีกต่อไป
ผลทดสอบอายุขัยเท้าของท่านเป็นอย่างไรบ้างคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือดูแลเท้าถูกวิธีอายุ 100 ปีก็เดินปร๋อโดยคิกุจิ มะโมะรุ
สำหรับท่านใดที่ต้องการมองหาตัวเลือกในการช่วยดูแลสุขภาพเท้าของท่าน ให้ถุงเท้าเพื่อสุขภาพ Wellness เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพเท้า ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้มีปัญหากลิ่นเท้า
ดูสินค้า